24/7/62

Starcraft สตาร์คราฟ สงครามอวกาศแห่งยุค 90

การจะรีวิวเกมสักเกมที่ถูกคาดหวังมากที่สุดเกมนึงไม่ใช่เรื่องง่าย เราอาจจะมีอคติที่ส่งผลต่อคำรีวิว เพราะยังไงเราก็อาจจะต้องเอาเกมแนวเดียวกันไปเทียบอยู่แล้ว ในกรณีของ Starcraft มีเกมรุ่นพี่ที่ออกมาก่อนหน้าอย่าง Warcraft ที่ทำไว้ดีมาก ถึงจะปล่อยมาก่อนแต่แนวทางวิธีเล่นก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไร

เกมสตาร์คราฟมีโหมดแคมเปญเนื้อเรื่องทั้งหมด 3 เผ่า แต่ละเผ่ามี 10 ภารกิจ รวมทั้งหมด 30 ภารกิจ โหมดเนื้อเรื่องที่มีความน่าติดตามมากพอและคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป ความยากในด่านต่อไปจะท้าทายกว่าด่านก่อนหน้า

เราไม่จำเป็นต้องไปเล่นโหมดฝึกหัดเลย ถ้าเรารู้เล่นสักเผ่าเป็นแล้ว เพราะภารกิจแต่ละอันก็แค่ให้เราเก็บทรัพยากรและเอาชนะฝ่ายศัตรู แต่ก็มีภารกิจใหม่ไม่กี่อย่างที่ Blizzard ได้ใส่ลงไป ช่วยทำให้เกมน่าสนใจขึ้น ยกเว้นในบางภารกิจที่เราจะได้รับยูนิตจำนวนจำกัดไว้ทำลายฐานศัตรู ในระบบ Free Battle หรือที่บางเกมเรียกว่า Skirmish เราจะได้สู้กับคอมพิวเตอร์สุดน่ารำคาญที่มันรู้ทุกอย่างเวลาเราทำอะไร นั่นทำให้มันได้เปรียบเราพอสมควร แต่มีอิสระในการเล่นสูงกว่าโหมดเนื้อเรื่องพอสมควร

สตาร์คราฟยังมีโหมดผู้เล่นหลายคนที่ยอดเยี่ยมพอๆกับโหมดอื่น ระบบสู้ตัวต่อตัว 1 Vs 1 หรือเล่นได้สูงสุด 8 คนผ่านระบบแลนและอินเทอร์เน็ต ซึ่งการเล่นบนอินเทอร์เน็ทจะเล่นบนเซิร์ฟเวอร์ Battle.net ของค่าย Blizzard และมีโหมดจัดอันดับสำหรับคนที่ชอบการแข่งขัน โหมดผู้เล่นหลายคน จุดประสงค์หลักๆเราต้องสร้างกองทัพถล่มกัน ใครที่ป้องกันฐานและทำลายฐานศัตรูจนเหลือรอดเป็นคนสุดท้ายจะเป็นผู้ชนะ

สิ่งสำคัญเวลาเล่นหลายคน โดยเฉพาะเกมแนววางแผนการรบ RTS เราต้องจำปุ่มคีย์ลัดบนคีย์บอร์ดและใช้ให้ชำนาญเวลาเล่นจริงก็จะง่ายขึ้น ได้เปรียบมากกว่าคนที่จำไม่ได้ เช่น การสร้างฐาน สร้างยูนิต ควบคุมยูนิตแต่ละชนิดได้คล่องแคล่ว คงยุ่งยากน่าดูถ้ามัวแต่คลิกสร้างทีละอัน อีกวิธีที่ผู้เล่นระดับโปรทำกันคือตั้งคีย์ลัดตามความถนัดของตัวเอง จะเห็นได้ในโปรเพลเยอร์แนว RTS หลายๆเกม

เกมสตาร์คราฟมี 3 เผ่าที่มีเอกลักษณ์ ผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เผ่า Terran ที่ฐานแม่สามารถเคลื่อนที่ได้ Zerg คล้ายเอเลี่ยนในหนังชื่อดังและมีความสามารถขุดดินไว้ซุ่มโจมตี Protoss ที่มีเทคโนโลยีสามารถสร้างอาคารได้ครั้งละมากๆ

ยูนิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การสร้างและซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างไม่เหมือนกัน แม้แต่อินเตอร์เฟสหรือ UI ที่มีเอกลักษณ์สวยงาม ถึงจะมีความหลากหลายและแตกต่าง แต่ค่าย Blizzard ก็สร้างความสมดุลของแต่ละยูนิตได้ดี มีตัวแก้ทางกันเองได้หมด หนึ่งในสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Starcraft คือไม่มียูนิตไหนไร้ประโยชน์เลย ทุกตัวเป็นกุญแจสู่ชัยชนะได้ทั้งนั้น เราผลิตมาสู้กับฝั่งตรงข้ามได้ทุกตัว ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่วางไว้ ไม่เหมือนแนววางแผนบางเกมที่มีแผนเดิมๆ ยูนิตที่เก่งเกินไปจนเห็นศัตรูใช้ยูนิตหน้าเดิมๆจนเบื่อ

โดยรวมแล้วกราฟฟิคเกมสตาร์คราฟเป็นที่น่าประทับใจมากเมื่อเทียบกับเกมวางแผนการรบในยุคเดียวกัน เช่น Age of Empire ซึ่งเป็นเกมวางแผน 2D ที่เจ๋งที่สุดในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ ถึงจะมีส่วนดีขาดแคลนไปบ้างแต่ก็มีสไตล์ของมันเอง เกมมีการเคลื่อนไหวของยูนิตและตัวฐานที่มีรายละเอียดสูง เกมยังมีฉากอนิเมชั่นให้ดูเยอะ มินิแมพที่มุมซ้ายล่างช่วยอำนายความสะดวกในการมองหาพิกัด

เพลงประกอบเกมบางเพลงมีความไพเราะและความดาร์กมืดมน เข้ากับธีมสงครามอวกาศอันกว้างใหญ่ เป็นจุดที่ทำให้แฟนเกมติดใจช่วยเสริมบรรยากาศและฟิลการเล่นให้สนุกไปกับเกมยิ่งขึ้น เสียงเอฟเฟคการต่อสู้ เสียงพากย์ตัวละครและยูนิตต่างๆ เหมาะสมกับรูปลักษณ์ สิ่งที่มนุษย์และผู้มาเยือนจากต่างดาวควรจะเป็น ทำให้ตัวละครดูมีชีวิตชีวา

สตาร์คราฟเป็นเกมที่เล่นได้ยาวๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดเล่นคนเดียวหรือโหมดหลายผู้เล่นล้วนแต่น่าสนใจ ทั้งนั้น ด้วยรายละเอียดที่ลงตัวทำให้เกมไม่เบื่อง่าย ถึงจะเล่นโหมดเนื้อเรื่องจบแล้ว เรายังดาวโหลดแผนที่ใหม่ๆได้จากอินเทอร์เน็ต มีโหมดอิสระที่ให้เราสร้างแผนที่สร้างภารกิจได้ด้วยตัวเอง สตาร์คราฟถึงจะไม่ได้เป็นเกมที่มีระบบใหม่เอี่ยมในยุคเดียวกัน แต่มันก็ทำได้ดีกว่าหลายๆเกมก่อนหน้า มีจุดเด่นให้คนจดจำ เป็นเครื่องการันตีว่า Blizzard เป็นค่ายเกมคุณภาพแห่งยุค ควรค่าแก่การยกย่อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น